สัปดาห์ที่ 2
วัน อังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ 2556
เรียน วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
กิจกรรมการเรียนการสอน
เด็กที่มีความต้องการพิเศษ
ความหมายของเด็กพิเศษที่มีความต้องการพิเศษ
1.ทางการแพทย์
มักจะเรียกเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า ”เด็กพิการ” หมายถึง
เด็กที่มีความผิดปกติ มีความบกพร่อง
สูญเสียสมรรถภาพ อาจเป็นความผิดปกติ ความบกพร่องทางกาย
การสูญเสียสมรรถภาพทางสติปัญญา ทางจิตใจ
2.ทางการศึกษา
หมายถึง เด็กที่มีความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตัวเอง
ซึ่งจำเป็นต้องจัดการศึกษาให้ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา หลักสูตร
กระบวนการใช้ และการประเมินผล
สรุปได้ว่าเด็กพิเศษที่มีความต้องการพิเศษ
- ที่ไม่อาจพัฒนาความสามารถได้เท่าที่ควรจากการให้การช่วยเหลือและการสอนตามปกติ
- มีสาเหตุ จาก สภาพความบกพร่องทางร่างกาย สติปัญญา และอารมณ์
- จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น
การช่วยเหลือ การบำบัดฟื้นฟู
การจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับลักษณะและความต้องการของเด็กแต่ละบุคคล
ประเภทของเด็กพิเศษ แบ่งออกเป็น2กลุ่มใหญ่
1.กลุ่มเด็กมีความสามารถสูง
มีความเป็นเลิศทางสติปัญญา เรียกสั้นๆว่า
“เด็กปัญญาเลิศ”
2.กลุ่มเด็กที่มีลักษณะความบกพร่อง
กระทรวงศึกษาธิการได้แบ่งออกเป็น 9 ประเภท
2.1เด็กบกพร่องทางสติปัญญา
มี 2 กลุ่ม คือ เด็กเรียนช้าและเด็กปัญญาอ่อน
-ลักษณะของเด็กที่บกพร่องทางสติปัญญา
-ไม่พูดหรือพูดไม่ได้สมวัย
-ช่วงความสนใจสั้น วอกแวก
-ความคิดและอารมณ์
เปลี่ยนแปลงง่าย
-ทำงานช้า
-รุนแรง ไม่มีเหตุผล
-อวัยวะบางส่วนมีรูปร่างผิดปกติ กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
-ช่วยเหลือตนเองได้น้อยกว่าเด็กวัยเดียวกัน
2.2เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
มี 2 ประเภท คือ
เด็กหูตึง และ เด็กหูหนวก
เด็กหูตึงจำแนกได้ 4 กลุ่ม
1.หูตึงระดับน้อย ได้ยินระหว่าง 26-40 dB
2.หูตึงระดับปานกลาง ได้ยินระหว่าง 41-55 dB
3.หูตึงระดับมาก ได้ยินระหว่าง 56-70 dB
4.หูตึงระดับรุนแรง ได้ยินระหว่าง 71-90 dB
2.3เด็กบกพร่องทางการมองเห็น
เด็กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสงเรือนราง
มีความบกพร่องทางสายตาทั้ง 2 ข้าง
สามารถเห็นได้ถึง 9/10 ของคนสายตาปกติ
มีลานสายตากว้างไม่เกิน 90องศา
จำแนกได้เป็น 2 ประเภท
คือ เด็กตาบอดและบอดไม่สนิท
ลักษณะอาการของเด็กบกพร่องทางการมองเห็น
-เดินงุ่มง่าม ชนและสะดุดวัตถุ
-มองเห็นสีผิดไปจากปกติ
-ก้มศีรษะชิดกับงาน
-ตาและมือไม่สัมพันธ์กัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น