สัปดาห์ที่ 12
วัน อังคาร ที่ 21 มกราคม พ.ศ 2557
เรียน วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
กิจกรรมการเรียนการสอน
อาจารย์ให้นักศึกษาทดสอบวาดรูปทรงชนิดต่างๆ เช่น สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม
ทรงกระบอก เพื่อทดสอบว่าตัวเรามีพฤติกรรมเสี่ยงหรือไม่
อาจารย์ให้นำเสนองานต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว แล้วให้ประเมินกลุ่มเพื่อนที่ออกนำเสนองาน
เนื้อหาที่เรียน
พัฒนาการของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ หมายถึง
การเปลี่ยนแปลงในด้านการทำหน้าที่และวุฒิภาวะของอวัยวะต่างๆรวมทั้งตัวบุคคล ทำให้ สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พัฒนาการปกติ แบ่งออกเป็น 4 ด้าน
1.พัฒนาการด้านร่างกาย
2.พัฒนาการด้านอารมณ์-จิตใจ
3.พัฒนาการด้านสังคม
4.พัฒนาการด้านสติปัญญา
เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ หมายถึง
เด็กที่พัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน ที่สามารถทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้
ปัจจัยทางด้านชีวภาพ
เกี่ยวข้องกับลักษณะทางพันธุกรรมหรือชุดหน่วยของยีนต์ที่เด็กได้รับสืบทอดมาจากบิดา มารดา
ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมก่อนคลอด การติดเชื้อ
สารพิษ สภาวะทางโภชนาการและการเจ็บป่วยของมารดา
ส่งผลต่อพัฒนาการของตัวอ่อนในครรภ์
ปัจจัยด้านกระบวนการคลอด การเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอด เช่น
ภาวะขาดออกซิเจนในขณะคลอด
ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหลังคลอด
สภาวะหลังคลอดปัจจัยด้านระบบประสาทและสภาพแวดล้อมส่งผลร่วมกันต่อพัฒนาการของเด็ก เด็กที่ไม่มีบิดา มารด
หรือเด็กที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แออัด ยากจน
เด็กถูกทอดทิ้ง ล่วงละเมิด ปัจจัยด้านการศึกษา เชาว์ปัญญา และความสามารถของมารดา ในการจัดสภาพการเรียนรู้ของเด็ก
สาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
1.โรคทางพันธุกรรม
2.โรคของระบบประสาท
3.การติดเชื้อ
4.ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
5.ภาวะแทรกซ้อนระยะแรกเกิน
6.สารเคมี
7.การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งการขาดสารอาหาร
อาการเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
มีพัฒนาการล่าช้าซึ่งอาจจะพบมากกว่า
1 ด้าน ได้แก่ กล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็กและสติปัญญา การใช้ภาษา
ความเข้าใจภาษา
การช่วยเหลือตัวเองและสังคม
นอกจากนี้อาจพบความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อร่วมด้วย เช่น
ปฏิกิริยาสะท้อน (primitive reflex)
ยังคงอยู่ไม่หายไปแม้จะถึงช่วงอายุที่ควรจะหายไปกล้ามเนื้ออ่อนนิ่มหรือเกร็ง อาจพบความผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย เช่นปัญหาการได้ยิน ปัญหาการมองเห็น
แนวทางการวินิจฉัยเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
1.การซักประวัติ
กล่าวโดยสรุปเมื่อซักประวัติแล้วทำให้สามารถบอกได้ว่า
1.ลักษณะพัฒนาการล่าช้า ดังกล่าวเป็นแบบคงที่(static)หรือถดถอย(progressive encephalopathy)
2.เด็กมีระดับพัฒนาการช้าจริงหรือไม่
อย่างไร อยู่ในระดับไหน
3.มีข้อบ่งชี้ว่าจะมีสาเหตุจากโรคทางพันธุกรรมหรือไม่
4.สาเหตุของความบกพร่องทางพัฒนาการนั้นเกิดจากอะไร
5.ขณะนี้เด็กได้รับการช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างไร
2.การตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกายที่สำคัญและอาจสัมพันธ์กับความบกพร่องทางพัฒนาการ ได้แก่
1.ตรวจร่างกายทั่วๆไปทุกระบบ
2.ภาวะตับ ม้ามโต
3.ผิวหนัง เช่น Cutaneous markers
4.ระบบประสาทต่างๆ
5.ดูลักษณะของเด็กที่ถูกทารุณกรรม (Child abuse)
6.ระบบการมองเห็นและการได้ยินเพราะเป็นความพิการซ้ำซ้อนที่พบร่วมได้บ่อย